overclockoverclockoverclock

เริ่มต้นการโอเวอร์คล็อก

- สิ่งสำคัญที่สุดก่อนการเพิ่มประสิทธิภาพด้วยการโอเวอร์คล็อกก็คือต้องทำให้ระบบคอมพิวเตอร์มีเสถียรภาพมากที่สุดโดยทำให้คอมพิวเตอร์ของคุณปราศจากการแฮงค์โดยไร้สาเหตุ หรือจะต้องไม่มีปัญหาการแฮงค์จากอุปกรณ์ตัวใดตัวหนึ่งที่คุณมีอยู่
- ประสิทธิภาพที่ได้สูงสุดมาจากการเปลี่ยนความเร็วของระบบบัสมากกว่าการเปลี่ยนอัตราการคูณความเร็วของระบบบัส แต่ถ้าคุณไม่สามารถเปลี่ยนความเร็วของระบบบัสได้เกิน 66 MHz เนื่องมาจากเมนบอร์ดของคุณไม่สนับสนุน(ดูได้จากข้อมูลที่ถูกเขียนไว้บนเมนบอร์ดของคุณเลยบริเวณใกล้ๆกับจุดที่คุณเปลี่ยนจัมเปอร์ หรือดิพสวิตช์(Dip Switch)สำหรับเลือกความเร็วของระบบบัสเพราะบางเมนบอร์ดความสามารถในการสนับสนุนความเร็วของระบบบัสเกิน 66 MHz จะไม่มีระบุไว้ในคู่มือเมนบอร์ด)
- อย่าตั้งความหวังให้กับการโอเวอร์คล็อกไว้สูงนักโดยเฉพาะถ้าคุณโอเวอร์คล็อกซีพียูของคุณเพียงแค่การเพิ่มอัตราการคูณความเร็วเท่านั้นแต่ไม่ได้เพิ่มความเร็วให้กับระบบบัส เช่น การเปลี่ยนซีพียูจากความเร็ว 166 MHz (2.5x66 MHz) ไปเป็น 180 MHz (3x60 MHz)จะทำให้ประสิทธิภาพโดยรวมลดลง

overclock
เทคนิคการโอเวอร์คล็อก
  1. การเปลี่ยนความเร็วของระบบบัสภายนอกซีพียู (Bus Speed หรือ Bus Frequency)
    - ความเร็วของระบบบัสภายนอกซีพียูนั้น เป็นความเร็วที่ซีพียูใช้ในการติดต่อกับอุปกรณ์ต่างๆภายนอกซีพียู ซึ่งอุปกรณ์ต่างๆที่ว่านี้คือ หน่วยความจำแคชระดับสอง และหน่วยความจำหลัก ถ้าเพิ่มความเร็วของระบบบัสให้สูงขึ้นก็เหมือนเป็นการเพิ่มความเร็วในการทำงานให้กับอุปกรณ์หน่วยความจำทั้งสองชนิดด้วย นอกจากนี้ระบบบัสแบบ PCI, แบบ ISA และอุปกรณ์ต่อพ่วงอื่นๆที่ทำงานผ่านระบบบัสแบบ PCI ก็จะได้รับผลกระทบจากการเพิ่มความเร็วให้กับระบบบัสด้วย เช่น ระบบบัสความเร็ว 66 MHz PCI ก็จะทำงานที่ความเร็ว 33 MHz แต่ถ้าระบบบัสมีความเร็ว 83 MHz PCI ก็จะทำงานที่ความเร็ว 41.6 MHz (สำหรับ ซีพียูตระกูล Socket 7 เท่านั้น) ส่วน ซีพียูที่ใช้ Socket 8 สำหรับซีพียูเพนเทียมโปร และ Slot 1 สำหรับเพนเทียมทู หน่วยความจำแคชระดับสองจะมาพร้อมกับหรืออยู่ภายในตัวซีพียูเลย จะไม่มีผลต่อการเพิ่มความเร็วของระบบบัส โดยหน่วยความจำแคชระดับสองของซีพียูเพนเทียมโปรจะทำงานที่ความเร็วเดียวกับซีพียู เช่น ซีพียูความเร็ว 200 MHz หน่วยความจำแคชระดับสองก็จะทำงานที่ความเร็ว 200 MHz เช่นกัน ส่วนซีพียู เพนเทียมทูหน่วยความจำแคชระดับสองจะทำงานที่ความเร็วเป็นครึ่งหนึ่งของซีพียู เช่น ซีพียูความเร็ว 300 MHz หน่วยความจำแคชระดับสอง จะทำงานที่ความเร็ว 150 MHz


    - ความเร็วของระบบบัสที่มีใช้กันอยู่ในปัจจุบัน ตั้งแต่ซีพียูตระกูล Pentium เป็นต้นมา มีอยู่ด้วยกันหลายขนาด โดยจะมี 3 ขนาด คือ 50, 60 และ 66 MHz สำหรับซีพียู AMD K5 และ Intel Pentium (เฉพาะรุ่นที่มีความเร็วตั้งแต่ 75 MHz ขึ้นไป) มี 5 ขนาด คือ 50, 55, 60, 66 และ 75 MHz ตระกูล Cyrix 6x86 มีขนาดเดียว คือ 66 MHz Cyrix 6x86MX มี2ขนาด คือ 60 และ 66MHz สำหรับ ซีพียู AMD K6 และ Pentium MMX มี 3 ขนาด คือ 60, 66 และ 75 MHz ซีพียูPentium Pro มี 2 ขนาด คือ 66 และ 100 MHz สำหรับ Pentium II เมนบอร์ดรุ่นใหม่ก็จะสนับสนุนอยู่แล้ว

    - การเปลี่ยนความเร็วของระบบบัสนั้น คุณต้องอ่านจากคู่มือเมนบอร์ด หัวข้อ CPU External Frequency Selection หรือ Bus Frequency (BF)

  2. การเปลี่ยนอัตราการคูณความเร็วสัญญาณนาฬิกาภายในซีพียู(Multiple Clock Speed หรือ Frequency Ratio)
    - ความเร็วของสัญญาณนาฬิกาภายในซีพียู (Internal Clock Speed)จะถูกควบคุมโดยอัตราการคูณความเร็วสัญญาณนาฬิกาภายในซีพียูแต่ละตัว ซึ่งจะถูกำหนดหรือโปรแกรมการทำงานด้วยสถานะลอจิกของขาซีพียูกลุ่มหนึ่ง การเพิ่มอัตราการคูณความเร็วนี้จะเป็นการเพิ่มความเร็วให้กับซีพียูโดยตรง และไม่มีผลต่อความเร็วในการทำงานของอุปกรณ์รอบข้างซีพียูเลย ในซีพียูแต่ละตัวจะมีอัตราการคูณความเร็วสัญญาณนาฬิกาแตกต่างกันโดยซีพียู
    * Pentium ของ Intel จะสนับสนุนอัตราการคูณความเร็ว 1.5, 2, 2.5 และ 3 เท่า
    * Pentium MMX จะสนับสนุนที่ 2.5, 3, 3.5 เท่า
    * Pentium Pro จะสนับสนุนที่ 2.5, 3, 3.5, 4 เท่า
    * Pentium II จะสนับสนุนที่ 3.5, 4, 4.5, 5 เท่า
    * Cyrix 6x86 จะสนับสนุนที่ 2 เท่า และ 3 เท่า
    * Cyrix 6x86MX จะสนับสนุนที่ 2, 2.5, 3, 3.5 เท่า
    * AMD K5 รุ่น PR75, PR90, PR100, PR120, PR133 จะใช้อัตราการคูณความเร็วที่ 1.5 เท่า
    * AMD K5 รุ่น PR150, PR166 จะใช้อัตราการคูณความเร็วที่ 1.75 เท่า
    * AMD K6 จะสนับสนุนที่ 2.5, 3, 3.5 เท่า
    - การเปลี่ยนอัตราการคูณความเร็วสัญญาณนาฬิกานี้ คุณสามารถดูได้จากคู่มือเมนบอร์ดในหัวข้อ CPU to Bus Frequency Ratio Selection (FR)
  3. การเปลี่ยนระดับแรงดันไฟฟ้าที่จ่ายให้กับซีพียู
    - สำหรับการเปลี่ยนระดับแรงดันไฟฟ้าที่จ่ายให้กับซีพียูนั้นเมื่อคุณฟังแล้วคุณอาจจะไม่ชอบหรือไม่เห็นด้วยโดยเฉพาะการเพิ่มระดับแรงดันไฟเกินกว่ามาตรฐาน ซึ่งนั่นเป็นเพราะคุณรู้สึกว่าการเพิ่มแรงดันไฟให้กับซีพียูนั้น ยิ่งเป็นการเพิ่มความเสี่ยงให้กับความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับซีพียูของคุณมากขึ้น แต่คุณรู้ไหมว่าวิธีการนี้จะยิ่งเป็นการเพิ่มเสถียรภาพให้กับระบบคอมพิวเตอร์ของคุณภายหลังการโอเวอร์คล็อกด้วยซ้ำไปโดยเฉพาะซีพียูตระกูลเพนเทียม และเพนเทียมโปร สามารถทำงานได้อย่างไม่มีปัญหากับระดับแรงดันไฟสูงถึง 4.6 Volt แต่ในขณะเดียวกันความต้องการในประสิทธิภาพของระบบระบายความร้อนก็จะมากขึ้นตามไปด้วย การเพิ่มระดับแรงดันไฟก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่อาจจะช่วยได้ หรือบางครั้งอาจจะทำให้ซีพียูของคุณโอเวอร์คล็อกได้มากขึ้นอีกด้วยซ้ำ
    - สำหรับเมนบอร์ดที่ใช้กับซีพียูเพนเทียมทูจะไม่มีจัมเปอร์สำหรับเปลี่ยนระดับแรงดันไฟที่จ่ายให้กับซีพียูเพราะเมนบอร์ดจะกำหนดแตงดันไฟให้กับซีพียูอัตมัติ การเปลี่ยนระดับแรงดันไฟที่จ่ายให้กับซีพียู คุณดูได้จาก คู่มือเมนบอร์ดอาจจะอยู่ในหัวข้อ Power Supply Voltages Selection ซึ่งมักจะอยู่ถัดมาจากหัวข้อ (FR)

overclock

ข้อควรจำสำหรับการโอเวอร์คล็อกซีพียู
  1. คุณควรจะโอเวอร์คล็อกซีพียูของคุณด้วยการเพิ่มความเร็วของระบบบัสให้สูงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ก่อน จากนั้นจึงค่อยเพิ่มอัตราการคูณความเร็ว
  2. อย่าทำการโอเวอร์คล็อกโดยการเพิ่มอัตราการคูณความเร็วแล้วลดความเร็วของระบบบัสลง เพราะวิธีดังกล่าวนอกจากจะไม่ทำให้ประสิทธิภาพของซีพียูเพิ่มขึ้นแล้วยังอาจจะทำให้ซีพียูมีประสิทธิภาพลดลงด้วย
  3. พยายามใช้วิธีการเพิ่มระดับ แรงดันไฟที่จ่ายให้กับซีพียู เมื่อคุณไม่สามารถโอเวอร์คล็อกซีพียูของคุณได้มากเท่าที่ควรและอย่ากังวลกับมันเนื่องจากซีพียูสามารถรับระดับแรงดันไฟได้สูงสุดถึง 4.6 Volt
  4. อย่าซื้อซีพียูที่มีการรีมาร์คมาใช้เพื่อทำการโอเวอร์คล็อก

วิธีการโอเวอร์คล็อกซีพียูทีละขั้นตอนoverclock

  1. ปิดเครื่องคอมพิวเตอร์, เปิดฝาหลังเครื่อง และเตรียมคู่มือเมนบอร์ด
  2. ถอดซีพียูของคุณออกมาจากซ็อกเก็ต (ซีพียูตระกูล เพนเทียม MMX, เพนเทียมโปร หรือ ต่ำกว่า) หรือ slot 1 จากนั้นตรวจสอบชื่อรุ่น และ รหัสรุ่นของซีพียูของคุณเพื่อให้แน่ใจว่าเป็นรุ่นใด ความเร็วใด และไม่เป็นซีพียูรีมาร์ค แล้วจึงใส่ซีพียูกลับเข้าที่เดิม
  3. ตรวจสอบจัมเปอร์ที่ใช้สำหรับเซ็ตความเร็วสัญญาณนาฬิกาของระบบบัส และจัมเปอร์ที่ใช้เซ็ตอัตราการคูณความเร็วของสัญญาณนาฬิกาบนเมนบอร์ดเปรียบเทียบกับข้อมลจากคู่มือเมนบอร์ด
  4. ตรวจสอบจัมเปอร์ที่ใช้สำหรับเซ็ตระดับแรงดันไฟที่ใช้กับซีพียูของคุณบนเมนบอร์ดเปรียบเทียบกับข้อมูลจากคู่มือเมนบอร์ด
  5. ตรวจสอบระบบระบายความร้อนภายในเครื่องคอมฯของคุณโดยเฉพาะบนตัวซีพียูว่าเพียงพอหรือไม่ถ้าไม่เพียงพอก็ทำการปรับปรุงโดยคุณอาจจะทราบได้จากการตรวจสอบอุณหภูมิของซีพียูของคุณว่าเดิมสูงมากน้อยแค่ไหนและเมื่อคุณโอเวอร์คล็อกแล้วสูงขึ้นแค่ไหน ซึ่งถ้าเดิมมีอุณหภูมิสูงอยู่แล้วคุณก็ควรจะปรับปรุงแต่ถ้าเดิมไม่สูงก็อาจจะไม่จำเป็น
  6. เปลี่ยนจัมเปอร์ที่ใช้สำหรับเซ็ตความเร็วสัญญาณนาฬิกาของระบบบัส และ/หรือจัมเปอร์ที่ใช้เซ็ตอัตราการคูณความเร็วของสัญญาณนาฬิกาบนเมนบอร์ด เพื่อให้ซีพียูทำงานตามความเร็วที่คุณต้องการโดยดูวิธีการเซ็ตจากคู่มือเมนบอร์ด
  7. ตรวจสอบให้แน่ใจอีกครั้งว่าไม่มีอะไรผิดพลาดเช่น ไม่เซ็ตจัมเปอร์ตัวใดผิด
  8. เปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณ
  9. รอดูว่าระบบคอมฯของคุณบูตผ่านขั้นตอนของการเซ็ตอัพไบออสหรือไม่(ผ่านไปยังการบูตระบบปฏิบัติการ)
  10. ถ้าได้คุณก็ข้ามไปขั้นตอนที่ 13
  11. ปิดเครื่องคอมฯ และเปลี่ยนจัมเปอร์ของระดับแรงดันไฟให้สูงขึ้นโดยดูวิธีการเซ็ตจากคู่มือเมนบอร์ดถ้าเป็นไปได้ แล้วเปิดเครื่อง แต่ถ้าคอมฯของคุณใช้ซีพียู เพนเทียมทู คุณจะไม่สามารถเปลี่ยนระดับแรงดันไฟได้ ดังนั้นให้คุณกลับไปเริ่มต้นที่ขั้นตอนที่ 6 ใหม่โดยเซ็ตค่าให้ต่ำลง
  12. ถ้าระบบคอมฯของคุณยังคงไม่สามารถบูตระบบผ่านขั้นตอนของการเซ็ตอัพไบออสได้อีก คุณก็ลืมเรื่องการโอเวอร์คล็อกที่ความเร็วนั้นๆ ได้เลย และกลับไปเริ่มต้นที่ขั้นตอนที่ 6 ใหม่โดยเซ็ตค่าให้ต่ำลง
  13. คุณอาจจะต้องเปลี่ยนค่าต่างๆ ในไบออสบ้างถ้าจำเป็นโดยเฉพาะค่าที่มีผลกับหน่วยความจำหลัก เช่นเพิ่มค่า Wait State หรือเพิ่มค่าเวลา Read/Write Cycle ในหัวข้อ Advance Bios Setup การเปลี่ยนค่าต่างๆ มักจะจำเป็นก็ต่อเมื่อคุณบูตระบบปฏิบัติการไม่ผ่าน หรือ ผ่านแล้วต่อมาก็แฮงค์
  14. รอดูต่อไปว่าระบบคอมฯของคุณบูตผ่านระบบปฏิบัติการโดยไม่มีปัญหาหรือไม่
  15. ถ้าบูตผ่านโดยไม่มี Error เกิดขึ้นก็เริ่มต้นการทดสอบการใช้งานโปรแกรมต่างๆหรือถ้าจะให้ดีควรตรวจสอบด้วยซอฟต์แวร์สำหรับตรวจสอบประสิทธิภาพของระบบคอมฯ
  16. แต่ถ้าบูตระบบปฏิบัติการไม่ผ่านโดยอาจมี Error เกิดขึ้น คุณก็กลับไปเริ่มต้นที่ขั้นตอนที่ 11 หรือ 6 ใหม่หรือตรวจสอบระบบระบายความร้อนใหม่อีกครั้งว่าซีพียูร้อนมากหรือไม่
  17. ถ้าทุกๆสิ่งทำงานได้ไม่มีปัญหาก็ขอแสดงความยินดีด้วย
  18. ควรให้ความสำคัญกันการเพิ่มความเร็วของระบบบัสมากกว่าการเพิ่มอัตราการคูณความเร็ว
  19. อย่าเพิ่มระดับแรงดันไฟทีละมากๆควรเพิ่มทีละ 0.1 Volt จะดีที่สุด และอย่าเพิ่มเกิน 4.6 Volt
  20. อย่าลืมว่า ระบบระบายความร้อน เป็นสิ่งสำคัญที่สุดต่อการโอเวอร์คล็อก โดยเฉพาะถ้าคุณใช้ความเร็วของระบบบัสที่ 83 MHz และ 100 MHz

 

 

การโอเวอร์คล็อกนี้เป็นวิธีการที่ดีในการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับซีพียูของคุณแต่คุณอย่าลืมเรื่องสำคัญสามเรื่องที่คุณควรปฏิบัติในการโอเวอร์คล็อกนั่นคือ

  1. ระบบระบายความร้อนสำหรับซีพียู รวมไปถึงระบบระบายความร้อนภายในเครื่องคอมฯด้วย(เน้นมาก)
  2. ควรให้ความสำคัญกับการเพิ่มความเร็วของระบบบัสมากกว่า
  3. อย่าโอเวอร์คล็อกซีพียูมากเกินควรโดยเฉพาะถ้าคุณใช้ระบบบัสความเร็วสูงกว่า 66 MHz
  4. อย่าเพิ่มระดับแรงดันไฟที่ละมากๆ และอย่าเพิ่มเกิน 4.6 Volt

แนะนำการโอเวอร์คล็อก
คุณสมบัติมาตรฐานของซีพียูแต่ละรุ่น
ตารางแสดงประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นจากการเพิ่มอัตราการคูณความเร็ว
ตารางแสดงผลการโอเวอร์คล็อก

overclock

ขอขอบคุณ นิตยสาร Quick Pc tel.663-2010-4

สำหรับข้อมูลเรื่องการโอเวอร์คล็อก ผมได้นำมากจาก QuickPC Magazine ฉบับที่ 26 ปักษ์หลัง เดือนพฤษภาคม 2541หน้า 51-69